25 ธันวาคม 2568
การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ณ กลุ่มตรีเพชร
ย้อนกลับไปในเดือนนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นเดือนที่ผมได้ผ่านช่วงทดลองงานที่ตรีเพชร อีซูซุเซลส์ ความรู้สึกของตัวเราวันนั้น ในฐานะของเด็กจบใหม่ มองภาพชีวิตการทำงานเป็นเหมือนโลกอีกใบที่จินตนาการภาพได้ยาก ว่าคนๆ หนึ่งที่ถึงเวลาต้องเติบโต จะใช้ชีวิตการทำงานให้มีความสุขในทุกๆ วันได้อย่างไรกัน อาจเพราะเราได้รับฟังประสบการณ์ คำบอกเล่า จากทั้งสื่อ คนรอบตัว หรืออย่างรุ่นพี่ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย หากนึกไปคำที่ผู้คนมักพูดถึง “รสชาติของการเป็นผู้ใหญ่” มันคงมีความหมายแตกต่างกัน ตามแต่ละเส้นทางชีวิตและการปรุงแต่งของปัจเจกบุคคล สำหรับผมแล้วหากต้องนิยามรสชาตินั้นจากช่วง 2 ปีที่เริ่มชีวิตการทำงานมานี้ มันคงมีความขมเหมือนกาแฟ ผู้คนดื่มกาแฟทั้งที่มันขม แต่เป็นความขมที่ทำให้เรารู้สึกมีแรง มีพลังในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
วันที่ได้มีการสัมภาษณ์งานรอบสุดท้ายกับพี่ๆ ผู้จัดการในฝ่าย มีคำถามหนึ่งที่ผมยังคงจำได้ดี ว่าเป็นกังวลอะไรไหมในการจะเริ่มทำงานที่นี่ ณ ตอนนั้นผมมีคำตอบ 2 แบบขึ้นมาในใจ คำตอบแรก แน่นอนว่าผมจะต้องตอบด้วยความมั่นใจว่าเราไม่เป็นกังวลกับการเข้ามาทำในตำแหน่งงานนี้ แต่คำตอบที่อยู่ในใจจริงๆ แล้วนั้น ผมกลับเต็มไปด้วยความกังวล และตัดสินใจที่จะพูดออกไปตรงๆ ความกังวลนั้นเป็นเรื่องของการที่ผมไม่ได้จบตรงสายทรัพยากรมนุษย์ จึงไม่ได้มีความรู้พื้นฐานในสิ่งนี้ และกลัวว่าจะทำได้ไม่ตรงความคาดหวังขององค์กร ในทางกลับกัน สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในความกังวลที่พี่ ๆ มองไว้ พร้อมบอกกับผมเพิ่มเติมว่า ขอแค่มีใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็พอ ซึ่งคงเพราะคุณลักษณะของการมีใจที่พร้อมจะเรียนรู้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ตรีเพชรนั้นเชื่อว่า “ทุกสิ่งเป็นจริงได้” ตามที่พวกเรายึดถือร่วมกัน
ผมได้เริ่มทำงานในฝ่าย HRM ส่วนงาน Learning and Development ด้วยลักษณะงานที่จะต้องวางแผนการพัฒนาบุคลากร ผ่านการจัดอบรมและสัมมนาต่างๆ จึงเป็นโอกาสที่ทำให้ได้พบเจอผู้คนมากมาย ทั้งวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายวิชา รวมไปถึง พี่ ๆ พนักงานในบริษัทหลากหลายระดับ เป็นช่วงเวลาของการเรียนรู้แบบครูพักลักจำแนวทางหลักทฤษฎีของการบริหารงานและบริหารคน รวมถึงการรับฟังประสบการณ์ จากพี่ๆ ที่ผ่านช่วงชีวิตการทำงานมาหลายปี ในบทบาทที่แตกต่างกันออกไป
อีกหนึ่งหน้าที่ของการทำงานด้านนี้คือการเป็นผู้ช่วยวิทยากร ช่วยเตรียมเนื้อหาในการสอน รวมถึงช่วยดำเนินกิจกรรม ตลอดช่วงมัธยมและมหาวิทยาลัย ผมเป็นเด็กกิจกรรมที่ทำเบื้องหลังมาตลอด ความยากของบทบาท ณ ตอนนี้จึงเป็นเรื่องการขยับมาอยู่เบื้องหน้า ในการจับไมค์พูดในที่สาธารณะ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ถนัดและทำได้ดีเท่าไรนัก การเป็นเด็กกิจกรรมในช่วงวัยเรียนเป็นเหมือนการพยายามหาอะไรทำในสิ่งที่เรานั้นมีความสุขและพอจะทำได้ดีอยู่บ้าง ขณะเดียวกันกับเรื่องวิชาการนั้นผมไม่เอาไหนสักเท่าไร ผมสอบตกวิชาคณิตศาสตร์ตั้งแต่เริ่มเรียนชั้น ม.1 ต่อเนื่องมาทุกเทอมจนถึงช่วงเวลา ม.5 ในขณะที่ความยากของเนื้อหานั้นยากขึ้นตามชั้นปีการศึกษา แต่จุดเปลี่ยนคือครูประจำวิชาซึ่งบอกกับผมว่า ขอแค่ผมมีใจที่จะเรียนรู้ ครูเชื่อว่าเราจะทำได้ และผมสอบผ่านคณิตศาสตร์เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาเทอมสองของชั้น ม.5 นี้
ฉะนั้น Learning Curve ของเรื่องต่าง ๆ ในชีวิต คงจะเป็นการเริ่มจากจุดที่ต่ำกว่าศูนย์ จากการ “ฝึกฝืน” ฝืนทำสิ่งที่ยาก สิ่งที่ไม่ถนัด และผิดพลาด แล้วจึงเรียนรู้ที่จะ “ฝึกฝน” นำข้อผิดพลาดมาแก้ไข และเรียนรู้พัฒนาแนวทางอยู่สม่ำเสมอ จนเป็นเส้นโค้งที่เราได้พบกับ Growth Zone ของตัวเราเอง
ณ วันนี้ผมได้เริ่มเป็นวิทยากรในหลักสูตรเล็ก ๆ บ้าง และร่วมออกแบบหลักสูตรในสัดส่วนที่มากขึ้น ยังมีอีกหลายเรื่องในชีวิตที่ผมยังอยู่ในจุดที่ "ฝึกฝืน" แต่ก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าหากยังมีใจที่จะเรียนรู้ ผมจะไปอยู่ในจุดที่ได้ "ฝึกฝน" ไม่ช้าก็เร็ว เพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีจุดสิ้นสุด หากเราไม่ได้เลือกที่จะหยุดด้วยตัวของเราเอง
รสชาติของการเป็นผู้ใหญ่ผ่านกาแฟแก้วนี้ที่ตรีเพชรยังขมเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีรสชาติรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้ค้นหาและเรียนรู้อยู่เพิ่มเติม และคอยเติมพลังในการทำงานให้กับผมในทุกวัน
โดย ภูผา ทิพย์วิโรจน์